หนังสือเลิกจ้าง กรอกแบบฟอร์ม

ต้องทำยังไงบ้าง

1. เลือกแบบฟอร์มนี้

เริ่มต้นโดยการคลิกที่ "กรอกแบบฟอร์ม"

1 / เลือกแบบฟอร์มนี้

2. กรอกเอกสาร

ตอบคำถามบางข้อแล้วเอกสารของคุณก็จะถูกสร้างขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

2 / กรอกเอกสาร

3. บันทึก - พิมพ์

เอกสารของคุณพร้อมแล้ว คุณจะได้รับเอกสารดังกล่าวในรูปแบบ Word และ PDF ซึ่งคุณสามารถทำการแก้ไขได้

3 / บันทึก - พิมพ์

ตัวเลือกพิเศษสำหรับการปรึกษาทนายความ

คุณสามารถเลือกที่จะขอรับความช่วยเหลือจากทนายความได้หลังจากกรอกเอกสารเสร็จแล้ว

ตัวเลือกพิเศษสำหรับการปรึกษาทนายความ

หนังสือเลิกจ้าง

ปรับปรุงล่าสุด ปรับปรุงล่าสุด เมื่อ 3 วันที่แล้ว
รูปแบบ รูปแบบWord และ PDF
ขนาด ขนาด4 ถึง 5 หน้า
กรอกแบบฟอร์ม

ปรับปรุงล่าสุดปรับปรุงล่าสุด เมื่อ 3 วันที่แล้ว

รูปแบบรูปแบบที่มีให้ Word และ PDF

ขนาดขนาด 4 ถึง 5 หน้า

ตัวเลือก ความช่วยเหลือจากทนายความ

กรอกแบบฟอร์ม

หนังสือเลิกจ้างคืออะไร

หนังสือเลิกจ้าง (Dismissal Letter) คือ หนังสือที่ออกโดยนายจ้างเพื่อแสดงความประสงค์ที่จะบอกเลิกสัญญาจ้างแรงงานที่มีระหว่างนายจ้างและพนักงาน/ลูกจ้างของตน

หนังสือเลิกจ้างและหนังสือลาออกแตกต่างกัน อย่างไร

หนังสือเลิกจ้างและหนังสือลาออกต่างก็เป็นหนังสือที่มีวัตถุประสงค์เพื่อบอกเลิกสัญญาจ้างแรงงานเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี หนังสือเลิกจ้างเป็นหนังสือที่ออกโดยนายจ้าง ในขณะที่หนังสือลาออกเป็นหนังสือที่ออกโดยพนักงาน/ลูกจ้างเอง

ผู้ใช้งานสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือทางกฎหมาย: การเลิกจ้างและการลาออกจากการเป็นพนักงาน/ลูกจ้าง และในกรณีที่พนักงาน/ลูกจ้างต้องการบอกเลิกสัญญาจ้าง/ลาออก ผู้ใช้งานอาจเลือกใช้หนังสือลาออก


จำเป็นต้องทำหนังสือเลิกจ้าง หรือไม่

จำเป็น นายจ้างควรจัดทำหนังสือเลิกจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรและลงนาม โดยนายจ้างหรือตัวแทนที่มีอำนาจออกคำสั่งเลิกจ้าง

ทั้งนี้ เพื่อเป็นหลักฐานแห่งการแจ้งข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างต่อพนักงาน/ลูกจ้างไว้ในหนังสือเลิกจ้าง เนื่องจากหากนายจ้างไม่ได้ระบุ/แจ้งข้อมูลดังกล่าวในขณะเลิกจ้าง จะไม่สามารถยกเหตุดังกล่าวขึ้นอ้างในภายหลังได้ (เช่น ในการพิจารณาคดีของศาลแรงงาน)

ไม่ควรระบุ/กำหนดข้อมูลลักษณะใดลงในหนังสือเลิกจ้าง

เนื่องจากการจ้างแรงงานตกอยู่ภายใต้กฎหมายแรงงานที่มีหลักสำคัญอยู่ที่การคุ้มครองพนักงาน/ลูกจ้างซึ่งคู่สัญญาไม่สามารถตกลงให้แตกต่าง หรือยกเว้นข้อกฎหมายดังกล่าวอันทำให้พนักงาน/ลูกจ้างได้รับประโยชน์น้อยไปกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ เช่น

  • นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยและ/หรือค่าชดเชยพิเศษให้แก่พนักงาน/ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ระยะเวลา และข้อยกเว้นที่กฎหมายกำหนด
  • ในกรณีการบอกเลิกสัญญาจ้างแรงงานที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างที่แน่นอน นายจ้างต้องบอกกล่าวการเลิกจ้างล่วงหน้าตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
  • ห้ามนายจ้างเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างด้วยสาเหตุที่ตั้งครรภ์

จำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างไรก่อนทำหนังสือเลิกจ้าง

นายจ้างควรตรวจสอบให้มั่นใจว่าเหตุที่จะเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างนั้นเป็นเหตุอันสมควร เช่น

  • ฝ่าฝืนกฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับของนายจ้างอย่างร้ายแรง หรือในความผิดทั่วไปซ้ำๆ
  • ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย เช่น ประมาท ไม่ระมัดระวัง ทำงานผิดพลาดในเรื่องสำคัญ ขาดทักษะ ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญในงานที่ทำ ทำงานไม่ได้ตามความมุ่งหมายของสัญญาจ้าง
  • มีพฤติกรรมทุจริต เช่น เรียกรับเงินสินบนจากคู่ค้า ใช้ให้พนักงานในบังคับบัญชาทำงานส่วนตัวให้
  • ฝ่าฝืนกฎหมายอาญาต่อนายจ้างหรือในที่ทำงาน เช่น ลักทรัพย์ ยักยอก ทำลายทรัพย์ของนายจ้าง เล่นการพนันในที่ทำงาน ล่วงละเมิดทางเพศ
  • เกษียณอายุงานตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อบังคับการทำงาน
  • ละทิ้งหน้าที่ เช่น ขาดงาน ไม่มาทำงาน ตั้งแต่ 3 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร
  • ถูกพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
  • นายจ้างนำเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีมาใช้แทนพนักงาน/ลูกจ้าง
  • นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไป เช่น ปิดกิจการ เลิกกิจการ

ในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควร อาจถือเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม (Unfair Dismissal) ซึ่งพนักงาน/ลูกจ้างอาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์หรือศาลแรงงานให้มีคำสั่งบังคับให้นายจ้างรับพนักงาน/ลูกจ้างกลับเข้าทำงานต่อหรือจ่ายค่าเสียหายแทนได้ เช่น

  • การเลิกจ้างเพื่อกลั่นแกล้งลูกจ้าง
  • การเลิกจ้างเนื่องจากพฤติกรรมส่วนตัวเพียงซึ่งไม่มีผลกระทบกับการทำงาน

ในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างด้วยเหตุที่พนักงาน/ลูกจ้างปฏิบัติฝ่าฝืนกฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับของนายจ้างไม่ร้ายแรง (เช่น เข้างานสาย) หรือมีผลการปฏิบัติงานที่ไม่ดีหรือบกพร่องในเรื่องทั่วไปที่ไม่ได้ร้ายแรงหรือก่อให้นายจ้างได้รับความเสียหาย (เช่น ทำงานผิดพลาดเล็กน้อย) นายจ้างอาจพูดคุย ว่ากล่าว ตักเตือน ด้วยวาจา และอาจจัดทำหนังสือตักเตือนพนักงาน/ลูกจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร ตามลำดับ เพื่อให้พนักงาน/ลูกจ้างได้มีโอกาสพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขก่อน

ในกรณีที่พนักงาน/ลูกจ้างทำความผิดไม่ร้ายแรงซ้ำๆ ภายใน 1 ปี ซึ่งนายจ้างได้เคยตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว นายจ้างสามารถเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างดังกล่าวได้โดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวการเลิกจ้างล่วงหน้าและไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชย


หนังสือเลิกจ้างเกี่ยวข้องกับใครบ้าง

บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหนังสือเลิกจ้าง ได้แก่

  • นายจ้าง (เช่น บุคคลที่ว่าจ้างลูกจ้างให้ทำงานให้กับตน และจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง) ตัวแทนผู้มีอำนาจของนายจ้าง (เช่น กรรมการ หุ้นส่วนผู้จัดการ) หรือตัวแทนที่มีอำนาจออกคำสั่งเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้าง (เช่น ผู้จัดการ/ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล หัวหน้างาน/ผู้บังคับบัญชา) ซึ่งเป็นผู้ลงนามในหนังสือเลิกจ้าง
  • พนักงาน/ลูกจ้าง (เช่น บุคคลที่ทำงานให้กับนายจ้างเพื่อได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าจ้าง) ซึ่งเป็นผู้ได้รับหนังสือเลิกจ้างและถูกบอกเลิกจ้าง

บุคคลใดไม่สามารถลงนามและ/หรือเข้าทำหนังสือเลิกจ้าง

นายจ้าง ตัวแทนผู้มีอำนาจของนายจ้าง หรือตัวแทนที่มีอำนาจออกคำสั่งเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้าง เท่านั้น ที่ควรเป็นผู้ลงนามในหนังสือเลิกจ้าง

ควรกำหนดระยะเวลาของหนังสือเลิกจ้าง อย่างไร

นายจ้างอาจมีข้อพิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดวันที่การเลิกจ้างมีผล ดังต่อไปนี้

นายจ้างต้องบอกกล่าวการเลิกจ้างล่วงหน้าตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างแรงงาน (ถ้ามี) ข้อบังคับการทำงานของนายจ้าง (ถ้ามี) หรือกฎหมาย แล้วแต่ระยะเวลาใดจะเป็นประโยชน์กับพนักงาน/ลูกจ้างมากที่สุด

โดยระยะเวลาขั้นต่ำตามกฎหมายที่นายจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้า เช่น

  • ในกรณีการเลิกจ้างทั่วไป ระยะเวลาอย่างน้อยหนึ่งคราวการจ่ายค่าจ้าง เช่น พนักงาน/ลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน นายจ้างต้องบอกกล่าวการเลิกจ้างล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือน
  • ในกรณีการเลิกจ้างเนื่องจากการใช้เครื่องจักรหรือเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนการทำงาน ระยะเวลาอย่างน้อย 60 วันก่อนวันที่การเลิกจ้างมีผลบังคับ
  • ในกรณีการเลิกจ้างเนื่องจากนายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการอันมีผลกระทบต่อพนักงาน/ลูกจ้าง ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามวิธี ระยะเวลา และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะด้วย

นายจ้างอาจไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวการเลิกจ้างล่วงหน้าและสามารถเลิกจ้างได้ทันที ในกรณี ดังต่อไปนี้

  • นายจ้างจ่ายค่าชดเชยแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
  • นายจ้างเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างด้วยสาเหตุซึ่งกฎหมายกำหนดให้นายจ้างไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือจ่ายค่าชดเชย เช่น

(1) ฝ่าฝืนกฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับของนายจ้างอย่างร้ายแรง หรือในความผิดทั่วไปซ้ำๆ อีกภายใน 1 ปี ซึ่งนายจ้างได้เคยตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว

(2) ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย เช่น ประมาท ไม่ระมัดระวัง ทำงานผิดพลาดในเรื่องสำคัญ ขาดทักษะ ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญในงานที่ทำ ทำงานไม่ได้ตามความมุ่งหมายของสัญญาจ้าง

(3) มีพฤติกรรมทุจริต เช่น เรียกรับเงินสินบนจากคู่ค้า ใช้ให้พนักงานในบังคับบัญชาทำงานส่วนตัวให้

(4) ปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมายอาญาต่อนายจ้างหรือในที่ทำงาน เช่น ลักทรัพย์ ยักยอก ทำลายทรัพย์ของนายจ้าง เล่นการพนันในที่ทำงาน ล่วงละเมิดทางเพศ

(5) ละทิ้งหน้าที่ ตั้งแต่ 3 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร เช่น ขาดงาน ไม่มาทำงาน

(6) ถูกพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกซึ่งไม่ใช่ความผิดกระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษซึ่งทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย

ผู้ใช้งานสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือทางกฎหมาย: การเลิกจ้างและการลาออกจากการเป็นพนักงาน/ลูกจ้าง และคู่มือทางกฎหมาย: นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างเมื่อลูกจ้างออกจากงานในกรณีใดบ้าง


จะต้องทำอย่างไรต่อหลังจากที่ลงนามในหนังสือเลิกจ้างแล้ว

นายจ้างจัดทำหนังสือเลิกจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรและลงนามโดยนายจ้างหรือตัวแทนที่มีอำนาจออกคำสั่งเลิกจ้าง

เมื่อจัดทำและลงนามในหนังสือเลิกจ้างเรียบร้อยแล้ว นายจ้างอาจพิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้

  • จัดทำสำเนาเก็บไว้ ณ สถานประกอบกิจการหรือสำนักงานของนายจ้างเพื่อการอ้างอิงในอนาคต
  • แนบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเลิกจ้าง โดยเฉพาะหลักฐานที่แสดงว่าพนักงาน/ลูกจ้างกระทำความผิดอันเป็นสาเหตุที่เลิกจ้าง (ถ้ามี)
  • นำส่งหนังสือเลิกจ้างให้แก่พนักงาน/ลูกจ้าง
  • ชำระเงินที่พนักงาน/ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้างแรงงาน ข้อบังคับการทำงานของนายจ้าง และ/หรือกฎหมาย (ถ้ามี) แล้วแต่กรณี เช่น ค่าจ้าง/เงินเดือนที่คำนวณจนถึงวันที่สิ้นสุดการจ้าง ค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ ค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าปรับกรณีนายจ้างบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนด เงินหลักประกันการทำงาน

การถูกเลิกจ้างอาจถือเป็นข้อมูลความลับและข้อมูลเฉพาะบุคคล นายจ้างอาจส่งมอบ/นำส่งหนังสือเลิกจ้างให้แก่พนักงาน/ลูกจ้างด้วยวิธีลับ (เช่น บรรจุซองปิดผนึกและระบุชั้นความลับที่หน้าซองจดหมาย)


จะต้องแนบหลักฐานหรือเอกสารประกอบหนังสือเลิกจ้างด้วย หรือไม่

นายจ้างอาจพิจารณาแนบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเลิกจ้าง โดยเฉพาะหลักฐานที่แสดงว่าพนักงาน/ลูกจ้างกระทำความผิดอันเป็นสาเหตุที่เลิกจ้าง (ถ้ามี) เช่น

  • บันทึกวันและเวลาที่พนักงาน/ลูกจ้างเข้างานสาย-ออกงานก่อนเวลา
  • ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่พนักงาน/ลูกจ้างมีพฤติกรรมทุจริต
  • รายงานผลการประเมินการปฏิบัติงานที่ไม่เป็นไปตามตัววัดผล (KPIs)

ข้อสำคัญ: กฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องระบุ/แจ้งข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างต่อพนักงาน/ลูกจ้างในขณะเลิกจ้างจึงจะสามารถยกเหตุดังกล่าวขึ้นอ้างในภายหลังได้ (เช่น ในการพิจารณาคดีของศาลแรงงาน)


หนังสือเลิกจ้างจำเป็นจะต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง หรือไม่

นายจ้างไม่จำเป็นจะต้องดำเนินการจดทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องใดๆ ในการจัดทำหนังสือเลิกจ้าง

อย่างไรก็ดี เมื่อการจ้างงานของพนักงาน/ลูกจ้างภายในสถานประกอบกิจการของนายจ้างได้สิ้นสุดลง (เช่น เลิกจ้าง ลาออก) นายจ้างมีหน้าที่ต้องแจ้งสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนของพนักงาน/ลูกจ้างต่อสำนักงานประกันสังคมภายในระยะเวลาที่กำหนด

มีค่าใช้จ่ายใดบ้างที่เกี่ยวข้องในการจัดทำหนังสือเลิกจ้าง

นายจ้างอาจมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้แก่พนักงาน/ลูกจ้างซึ่งมีสิทธิได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน ข้อบังคับการทำงานของนายจ้าง และ/หรือกฎหมาย (ถ้ามี) แล้วแต่กรณี เช่น

  • ค่าจ้าง/เงินเดือนงวดสุดท้ายที่คำนวณจนถึงวันที่สิ้นสุดการจ้าง
  • ค่าชดเชย (ถ้ามี)
  • ค่าชดเชยพิเศษ (ถ้ามี)
  • ค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า (ถ้ามี)
  • เงินหลักประกันการทำงานของพนักงาน/ลูกจ้างที่นายจ้างยึดถือไว้ (ถ้ามี)
  • ค่าปรับกรณีนายจ้างบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างแรงงานที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน (ถ้ามี)

ผู้ใช้งานสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือทางกฎหมาย: การเลิกจ้างและการลาออกจากการเป็นพนักงาน/ลูกจ้าง และคู่มือทางกฎหมาย: นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างเมื่อลูกจ้างออกจากงานในกรณีใดบ้าง


ทำไมนายจ้างต้องเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างของตน

นายจ้างอาจมีความจำเป็นต้องต้องเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างของตน ในกรณีต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • ต้องการไล่พนักงาน/ลูกจ้างออก เช่น พนักงาน/ลูกจ้างปฏิบัติงานบกพร่องเป็นประจำ หรือจงใจปฏิบัติขัดกฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับของนายจ้างเป็นประจำ ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
  • ไม่มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานอีกต่อไป เช่น สิ้นสุดโครงการ/การดำเนินงานเฉพาะกิจแล้ว การนำเครื่องจักร/เทคโนโลยีมาใช้แทนแรงงานมนุษย์ (เช่น AI Robot)
  • ความจำเป็นทางธุรกิจ เช่น การลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน สภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผลประกอบการไม่ดี
  • ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้่ เช่น ปิดกิจการ เลิกกิจการ
  • สาเหตุอื่นๆ เช่น พนักงาน/ลูกจ้างมีอายุเกินที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อบังคับการทำงาน (เช่น เกษียณอายุงาน)

นายจ้างจำเป็นต้องทำหนังสือตักเตือนพนักงาน/ลูกจ้างก่อนทำหนังสือเลิกจ้าง หรือไม่

อาจจำเป็น นายจ้างอาจจำเป็นต้องทำหนังสือตักเตือนพนักงาน/ลูกจ้างก่อนทำหนังสือเลิกจ้างในกรณีที่นายจ้างจะเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างด้วยเหตุที่พนักงาน/ลูกจ้างปฏิบัติฝ่าฝืนกฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่ไม่ร้ายแรง (เช่น เข้างานสาย) หรือมีผลการปฏิบัติงานที่ไม่ดีหรือบกพร่องในเรื่องทั่วไปที่ไม่ได้ร้ายแรงหรือก่อให้นายจ้างได้รับความเสียหาย (เช่น ทำงานผิดพลาดเล็กน้อย) เพื่อให้พนักงาน/ลูกจ้างได้มีโอกาสพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมหรือการปฏิบัติงานก่อน

อย่างไรก็ดี ในกรณีที่พนักงาน/ลูกจ้างกระทำการที่ถือเป็นความผิดร้ายแรง นายจ้างย่อมสามารถเลิกจ้างได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องจัดทำหนังสือตักเตือนพนักงาน/ลูกจ้างก่อน เช่น

  • ฝ่าฝืนกฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอย่างร้ายแรง เช่น ขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่มีเหตุสมควรและทำให้นายจ้างเสียหาย ทะเลาะวิวาทในที่ทำงาน
  • ปฏิบัติงานหรือกระทำการที่ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย เช่น ประมาท ไม่ระมัดระวัง ทำงานผิดพลาดในเรื่องสำคัญ ขาดทักษะ ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญในงานที่ทำ ทำงานไม่ได้ตามความมุ่งหมายของสัญญาจ้าง
  • มีพฤติกรรมทุจริต เช่น เรียกรับเงินสินบนจากคู่ค้า ใช้ให้พนักงานในบังคับบัญชาทำงานส่วนตัวให้
  • ปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมายอาญาต่อนายจ้างหรือในที่ทำงาน เช่น ลักทรัพย์ ยักยอก ทำลายทรัพย์ของนายจ้าง เล่นการพนันในที่ทำงาน ล่วงละเมิดทางเพศ
  • ละทิ้งหน้าที่ ตั้งแต่ 3 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร เช่น ขาดงาน ไม่มาทำงาน
  • ถูกพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกซึ่งไม่ใช่ความผิดกระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
  • ถูกพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษซึ่งทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย

นายจ้างสามารถเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยในกรณีใดบ้าง

นายจ้างสามารถเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยในกรณีที่พนักงาน/ลูกจ้างกระทำกการที่ถือเป็นความผิดร้ายแรงหรือการกระทำความผิดซ้ำเดิมเป็นประจำซึ่งกฎหมายกำหนดให้นายจ้างสามารถเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและบอกกล่าวล่วงหน้า เช่น

  • ฝ่าฝืนกฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างอย่างร้ายแรง เช่น ขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่มีเหตุสมควรและทำให้นายจ้างเสียหาย ทะเลาะวิวาทในที่ทำงาน
  • ฝ่าฝืนกฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้าง ในความผิดเดิมซ้ำอีกภายใน 1 ปี ซึ่งนายจ้างได้เคยตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เช่น เข้างานสายเป็นประจำ ทำงานผิดพลาดเป็นประจำ
  • ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย เช่น ประมาท ไม่ระมัดระวัง ทำงานผิดพลาดในเรื่องสำคัญ ขาดทักษะ ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญในงานที่ทำ ทำงานไม่ได้ตามความมุ่งหมายของสัญญาจ้าง
  • มีพฤติกรรมทุจริต เช่น เรียกรับเงินสินบนจากคู่ค้า ใช้ให้พนักงานในบังคับบัญชาทำงานส่วนตัวให้
  • ฝ่าฝืนกฎหมายอาญาต่อนายจ้างหรือในที่ทำงาน เช่น ลักทรัพย์ ยักยอก ทำลายทรัพย์ของนายจ้าง เล่นการพนันในที่ทำงาน ล่วงละเมิดทางเพศ
  • ละทิ้งหน้าที่ ตั้งแต่ 3 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร เช่น ขาดงาน ไม่มาทำงาน
  • ถูกพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกซึ่งไม่ใช่ความผิดกระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
  • ถูกพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษซึ่งทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย

ผู้ใช้งานสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือทางกฎหมาย: นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างเมื่อลูกจ้างออกจากงานในกรณีใดบ้าง และคู่มือทางกฎหมาย: สัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลา ทำได้หรือไม่ และนายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยหรือไม่เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการจ้าง


ต้องระบุข้อมูลสำคัญใดบ้างลงในหนังสือเลิกจ้าง

นายจ้างควรระบุรายละเอียดและข้อความสำคัญในหนังสือเลิกจ้าง ดังต่อไปนี้

  • พนักงาน/ลูกจ้างที่จะถูกเลิกจ้าง เช่น ชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน เพื่อการอ้างอิงที่ถูกต้อง
  • สาเหตุที่เลิกจ้าง เช่น สาเหตุและเหตุการณ์ที่ทำให้นายจ้างจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงาน/ลูกจ้าง
  • อ้างอิงเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น สัญญาจ้างแรงงาน หนังสือแจ้งตักเตือนพฤติกรรม/การปฏิบัติงาน (ถ้ามี)
  • ผลของการเลิกจ้าง เช่น วันที่การเลิกจ้างมีผล วันที่ทำงานเป็นวันสุดท้าย หน้าที่ของพนักงาน/ลูกจ้างที่ต้องปฏิบัติเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง
  • การจ่ายและ/หรือหักเงินของพนักงาน/ลูกจ้าง เช่น การจ่ายค่าชดเชย การคืนหลักประกันการทำงาน การหักเงินตามกฎหมาย ค่าเสียหายที่พนักงาน/ลูกจ้างต้องชดใช้ให้แก่นายจ้าง (ถ้ามี)

ข้อสำคัญ: นายจ้างต้องระบุ/แจ้งข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างต่อพนักงาน/ลูกจ้างในขณะเลิกจ้างจึงจะสามารถยกเหตุดังกล่าวขึ้นอ้างในภายหลังได้ (เช่น ในการพิจารณาคดีของศาลแรงงาน)


กฎหมายใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเลิกจ้าง

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหนังสือเลิกจ้างมี ดังต่อไปนี้


ความช่วยเหลือจากทนายความ

คุณสามารถเลือกที่จะปรึกษาทนายความได้ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ

ทนายความสามารถช่วยคุณได้โดยทำการตอบคำถามของคุณหรือให้ความช่วยเหลือในกระบวนการต่าง ๆ จะมีการเสนอตัวเลือกดังกล่าวไว้ให้คุณในตอนท้ายของเอกสาร


แก้ไขแบบฟอร์มได้อย่างไร

คุณกรอกแบบสอบถามสำหรับป้อนข้อมูลแล้วจะเห็นได้ว่าระบบของเราจะค่อย ๆ สร้างเอกสารขึ้นเองโดยอัตโนมัติตามคำตอบที่คุณกรอกเข้าไป

ในตอนสุดท้าย คุณจะได้รับเอกสารในรูปแบบ Word และ PDF คุณสามารถแก้ไขและนำเอกสารไปใช้อีกได้

กรอกแบบฟอร์ม