ปัญหาผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากสถานที่เช่าเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและทั่วไปในการนำสิ่งปลูกสร้างออกให้เช่า และมักเป็นปัญหาที่ผู้ให้เช่ามักกังวลที่สุดในการนำสิ่งปลูกสร้างออกให้เช่า เนื่องจากผู้ให้เช่าอาจมีข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่อาจสามารถจัดการกับผู้เช่าได้ตามอำเภอใจตามความต้องการของผู้ให้เช่า เนื่องจากอาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและขัดต่อกฎหมาย และผู้ให้เช่าอาจมีความรับผิดตามกฎหมายไม่ว่าทางแพ่ง (เช่น ชดใช้ค่าเสียหาย) และ/หรือทางอาญา (เช่น โทษปรับและ/หรือจำคุก) เสียเอง เช่น การขับไล่ผู้เช่าออกจากสถานที่เช่าด้วยตนเอง การทำร้ายร่างกายและ/หรือทำลายทรัพย์สินของผู้เช่า
เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาทั่วไป ผู้ให้เช่าควรสืบหาข้อเท็จจริงอันเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากสถานที่เช่า โดยการพูดคุยสอบถาม หรือค้นหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมด้วยตนเอง ทั้งนี้ เนื่องจากสาเหตุที่ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากสถานที่เช่าอาจมีสาเหตุและที่มาที่หลากหลาย ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาหรือรับมือก็แตกต่างกันไป เช่น
ในกรณีที่ผู้ให้เช่าไม่ได้ต้องการบอกเลิกสัญญาเช่า แต่เพียงต้องการติดตามทวงถามค่าเช่าที่ผู้เช่าค้างชำระ ผู้ให้เช่าอาจเลือกจัดทำหนังสือเตือนชำระค่าเช่าล่าช้า
เมื่อผู้ให้เช่าทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากสถานที่เช่าแล้ว ผู้ให้เช่าอาจพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามสมควร เนื่องจากการช่วยเหลือดังกล่าวย่อมอาจช่วยผู้เช่าในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งหากปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขย่อมมีความเป็นไปได้ที่ผู้เช่าจะย้ายออกจากสถานที่เช่า ซึ่งจะทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าผู้ให้เช่าและผู้เช่าต่างได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าวนี้ (Win-Win Situation) เช่น
ก่อนการอ้างสิทธิใดๆ ต่อผู้เช่า (เช่น การเรียกค่าปรับ การให้ผู้เช่าย้ายออกจากสถานที่เช่า) ผู้ให้เช่าควรตรวจสอบสิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าที่เกี่ยวกับการย้ายออกจากสถานที่เช่า ไม่ว่าตามสัญญาเช่าหรือตามกฎหมายเกี่ยวกับการเช่า เช่น
ดังนั้น หากตรวจสอบสิทธิของผู้เช่าแล้วพบว่าผู้เช่ายังมีสิทธิครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในสถานที่เช่าอยู่ ผู้ให้เช่าย่อมไม่อาจบังคับให้ผู้เช่าย้ายออกไปจากสถานที่เช่าได้จนกว่าจะได้ดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาเช่า หรือกฎหมายเกี่ยวกับการเช่านั้น
ในกรณีที่สัญญาเช่ายังไม่สิ้นสุดลง ผู้ให้เช่าจะต้องบอกเลิกสัญญาเช่าตามหลักเกณฑ์ วิธี ระยะเวลา และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่า (ถ้ามี) หรือตามกฎหมายเสียก่อน โดยผู้ให้เช่าอาจจัดทำหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาเพื่อบอกเลิกสัญญาเช่าแก่ผู้เช่า
เมื่อผู้ให้เช่าได้ให้ความช่วยเหลือออมชอมตามสมควร และได้ตรวจสอบสิทธิของผู้เช่าจนเป็นที่แน่ใจแล้วว่าผู้เช่าไม่มีสิทธิที่จะครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในสถานที่เช่าได้อีกต่อไป ผู้เช่าควรบอกกล่าวสื่อสารกับผู้เช่าให้ชัดเจน โดยนอกจากการบอกกล่าวด้วยวาจาแล้ว ผู้ให้เช่าอาจจัดทำ หนังสือแจ้งให้ย้ายออกจากสถานที่เช่า เพื่อให้ผู้เช่าทราบถึงหน้าที่ของตนที่จะต้องย้ายออกจากสถานที่เช่าตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่า หรือหนังสือแจ้งให้ย้ายออกจากสถานที่เช่าดังกล่าวนั้น
ในการจัดทำหนังสือแจ้งให้ย้ายออกจากสถานที่เช่า ผู้ให้เช่าอาจระบุมาตรการดำเนินการขั้นถัดไป หากผู้เช่ายังคงไม่ส่งมอบสถานที่เช่าคืนให้แก่ผู้ให้เช่าเพื่อให้ผู้เช่ารับทราบถึงผลกระทบหากยังไม่ดำเนินการย้ายออก
เมื่อผู้เช่าได้รับการบอกกล่าวสื่อสารและหนังสือแจ้งให้ย้ายออกจากสถานที่เช่าแล้ว แต่ผู้เช่าก็ยังไม่ดำเนินการย้ายออกภายในระยะเวลาและเงื่อนไขที่กำหนด ผู้ให้เช่าอาจตรวจสอบสิทธิของผู้ให้เช่าตามสัญญาเช่าว่าผู้ให้เช่ามีสิทธิดำเนินการอย่างไรได้บ้างกับผู้เช่าในกรณีเช่นนี้ เช่น
การยุติการให้บริการสาธารณูปโภค การปิดกั้นไม่ให้ผู้เช่าเข้าใช้ประโยชน์ในสถานที่เช่า และการเข้าไปในสถานที่เช่าเพื่อยึดหรือขนย้ายทรัพย์สินของผู้เช่า ย่อมเป็นการรบกวนสิทธิของผู้เช่าซึ่งอาจทำให้ผู้ให้เช่ามีความรับผิดตามกฎหมายได้ อย่างไรก็ดี หากผู้ให้เช่าได้บอกเลิกสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น ได้ทำหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญา แจ้งให้ผู้เช่าทราบเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว) และคู่สัญญาได้กำหนดให้ผู้ให้เช่ามีสิทธิที่จะดำเนินการดังกล่าวได้ไว้ในสัญญาเช่า ผู้ให้เช่าอาจดำเนินการดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ผู้ให้เช่าจะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและควรแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าก่อนการดำเนินการดังกล่าวนั้น (เช่น แจ้งมาตรการดำเนินการไว้ในหนังสือแจ้งให้ย้ายออกจากสถานที่เช่าแล้ว)
เมื่อผู้ให้เช่าได้ดำเนินการตามมาตรการเด็ดขาดแล้ว แต่ผู้เช่าก็ยังไม่ดำเนินการย้ายออกภายในระยะเวลาและเงื่อนไขที่กำหนด ผู้ให้เช่าอาจพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เช่า เช่น
อย่างไรก็ดี ในการฟ้องดำเนินคดีเรียกร้องค่าเช่ากรณีทั่วไปมีกำหนดอายุความ 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ผิดนัดชำระค่าเช่า และ 2 ปี ในกรณีที่ผู้ให้เช่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น ผู้ให้เช่าจะต้องดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีภายในระยะเวลาที่กำหนดหากมีค่าเช่าค้างชำระอยู่ด้วย นอกจากนี้ สิทธิในการฟ้องดำเนินคดีเรียกร้องตามสัญญาเช่า (เช่น ค่าปรับ ค่าเสียหายกับทรัพย์ที่เช่า) จะมีอายุความเพียง 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ส่งคืนทรัพย์สินที่เช่านั้น
ตามที่ได้กล่าวข้างต้น การบังคับให้ผู้เช่าออกจากสถานที่เช่าอาจมีข้อจำกัดบางประการที่ผู้ให้เช่าไม่อาจสามารถดำเนินการต่อผู้เช่าหรือทรัพย์สินของผู้เช่าได้โดยรง เนื่องจากอาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและขัดต่อกฎหมายได้ ผู้ให้เช่าหรือผู้กระทำการอาจมีความรับผิดตามกฎหมายไม่ว่าทางแพ่ง (เช่น ชดใช้ค่าเสียหาย) และ/หรือทางอาญา (เช่น โทษปรับและ/หรือจำคุก) โดยการดำเนินการ เช่น
ในการจะดำเนินการให้ผู้เช่าย้ายออกจากสถานที่เช่าสามารถดำเนินการได้โดยอาจเริ่มจากวิธีการง่ายๆ ทั่วไป (เช่น การเจรจาสร้างความเข้าใจ พูดคุย การบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษร และให้ควาช่วยเหลือต่างๆ ตามสมควร) ไปถึงวิธีที่มีความเด็ดขาด (เช่น ดำเนินการตามมาตรการและสิทธิของผู้ให้เช่าตามสัญญาเช่า โดยดำเนินการด้วยความระมัดระวังไม่กระทำการที่ผิดกฎหมายเสียเอง) รวมไปถึงการดำเนินการทางกฎหมายถึงที่สุด (เช่น ฟ้องร้องดำเนินคดีขับไล่ และบังคับคดี)
ดังนั้น จะพิจารณาได้ว่าการจัดทำหนังสือแจ้งให้ย้ายออกจากสถานที่เช่า นอกจากจะช่วยสร้างความเข้าใจ ความตระหนักรู้ให้ผู้เช่าทราบถึงหน้าที่ของตน รวมถึงมาตรการที่ผู้ให้เช่าจะดำเนินการใช้บังคับกับผู้เช่าแล้ว การบอกกล่าวเป็นหนังสือยังสามารถใช้เป็นหลักฐานในกรณีที่ต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ผู้ให้เช่าอาจมีมาตรการป้องกันกรณีดังกล่าวไว้ล่วงหน้า เช่น กำหนดข้อตกลงในสัญญาเช่าที่ให้สิทธิผู้ให้เช่าดำเนินการต่างๆ ตามที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น ในขณะทำสัญญาเช่า (เช่น สัญญาเช่าสิ่งปลูกสร้างเพื่ออยู่อาศัย สัญญาเช่าอาคาร/พื้นที่พาณิชย์ หรือสัญญาเช่าช่วง) และการพิจารณาคุณสมบัติของตัวผู้เช่าก่อนการตกลงให้เช่า (เช่น สถานะความมั่นคงทางการเงิน พฤติกรรมของผู้เช่า)