เริ่มต้นโดยการคลิกที่ "กรอกแบบฟอร์ม"
ตอบคำถามบางข้อแล้วเอกสารของคุณก็จะถูกสร้างขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
เอกสารของคุณพร้อมแล้ว คุณจะได้รับเอกสารดังกล่าวในรูปแบบ Word และ PDF ซึ่งคุณสามารถทำการแก้ไขได้
คุณสามารถเลือกที่จะขอรับความช่วยเหลือจากทนายความได้หลังจากกรอกเอกสารเสร็จแล้ว
ปรับปรุงล่าสุด 04/09/2567
รูปแบบที่มีให้ Word และ PDF
ขนาด 13 ถึง 19 หน้า
ตัวเลือก ความช่วยเหลือจากทนายความ
กรอกแบบฟอร์มสัญญาบริการ หรือสัญญาให้บริการ (Service Agreement) คือ สัญญาจ้างทำของชนิดหนึ่งที่ผู้ว่าจ้าง/ผู้รับบริการตกลงจะให้ค่าตอบแทนแก่ผู้รับจ้าง/ผู้ให้บริการ เพื่อตอบแทนงานที่ผู้รับจ้างได้ทำหรือผู้ให้บริการได้ให้บริการแก่ผู้ว่าจ้างหรือผู้รับบริการ โดยมีความมุ่งหวังที่ผลสำเร็จของงาน/การให้บริการเป็นสำคัญ
สัญญาบริการอาจแบ่งได้ตามวัตถุประสงค์ของงานที่ให้บริการได้ ดังต่อไปนี้
(1) สัญญาบริการทั่วไป ซึ่งเป็นสัญญาบริการที่มีวัตถุประสงค์ของงานที่ให้บริการทั่วไปซึ่งถูกร่างขึ้นและมีข้อสัญญาสำหรับการว่าจ้าง/ใช้บริการในเรื่องทั่วไป เช่น สัญญาบริการฉบับนี้
(2) สัญญาบริการเฉพาะ ซึ่งเป็นสัญญาบริการที่มีวัตถุประสงค์ของงานที่ให้บริการเฉพาะในแต่ละเรื่องซึ่งถูกร่างขึ้นและมีข้อสัญญาสำหรับการว่าจ้าง/ใช้บริการในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง (เช่น สัญญาว่าจ้างบุคคลสาธารณะเพื่อการประชาสัมพันธ์ สัญญาให้บริการพื้นที่จอดรถ/Car Park)
คู่สัญญาอาจเลือกใช้งานสัญญาบริการซึ่งถูกร่างขึ้นและมีข้อสัญญาสำหรับการว่าจ้าง/ใช้บริการในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงซึ่งสอดคล้องกับการว่าจ้าง/ใช้บริการระหว่างคู่สัญญา อย่างไรก็ดี หากไม่ปรากฏสัญญาบริการเฉพาะเรื่องดังกล่าว คู่สัญญาอาจเลือกใช้สัญญาบริการทั่วไปซึ่งมีข้อสัญญาสำหรับการว่าจ้าง/ใช้บริการที่ครอบคลุมในเรื่องทั่วไปโดยที่ไม่กำหนดเฉพาะเจาะจงเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
การจ้างทำของ (เช่น สัญญาบริการ) ในบางกรณีอาจมีความคล้ายคลึงกับการจ้างแรงงาน (เช่น สัญญาจ้างแรงงาน) คู่สัญญาอาจพิจารณาว่าในการว่าจ้าง/ใช้บริการตามสัญญาบริการฉบับนี้ คู่สัญญามีความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการ/ผู้รับจ้างและผู้รับบริการ/ผู้ว่าจ้างเป็นการจ้างทำงานในลักษณะใด โดยอาจพิจารณาได้จากข้อพิจารณา ดังต่อไปนี้
ผู้ใช้งานอาจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือทางกฎหมาย: ความแตกต่างระหว่างสัญญาจ้างแรงงานและสัญญาจ้างทำของ
ไม่จำเป็น กฎหมายไม่ได้กำหนดให้คู่สัญญาต้องจัดทำสัญญาบริการเป็นลายลักษณ์อักษร
อย่างไรก็ดี ในการให้บริการย่อมมีรายละเอียดและข้อตกลงสำคัญที่คู่สัญญาอาจจำเป็นต้องกำหนดและตกลงร่วมกัน (เช่น ขอบเขตการให้บริการ มาตรฐานการให้บริการ ค่าตอบแทน ระยะเวลาการให้บริการ กำหนดการส่งมอบงาน การรับประกันผลงาน) เพื่อรักษาผลประโยชน์และความเข้าใจที่ตรงกันของคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย และเพื่อให้การให้บริการดำเนินไปตามความประสงค์ของคู่สัญญา คู่สัญญาจึงควรจัดทำสัญญาบริการเป็นลายลักษณ์อักษร ลงนามโดยคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย
คู่สัญญาควรระบุรายละเอียดและข้อความสำคัญในสัญญาบริการ ดังต่อไปนี้
บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำสัญญาบริการ ได้แก่
คู่สัญญาควรจัดทำสัญญาบริการเป็นลายลักษณ์อักษร และให้คู่สัญญาหรือตัวแทนผู้มีอำนาจของคู่สัญญา รวมถึงพยานด้วย (ถ้ามี) ลงนามในสัญญาฉบับดังกล่าวให้เรียบร้อย
เมื่อจัดทำและลงนามในสัญญาบริการเรียบร้อยแล้ว คู่สัญญาอาจพิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้
คู่สัญญาอาจพิจารณาแนบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสัญญาบริการ (ถ้ามี) เพื่อความชัดเจนและความเข้าใจที่ตรงกันของคู่สัญญา เช่น
ไม่จำเป็น คู่สัญญาไม่จำเป็นจะต้องดำเนินการจดทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องใดๆ ในการจัดทำสัญญาบริการ
ไม่จำเป็น กฎหมายไม่ได้กำหนดให้สัญญาบริการจำเป็นจะต้องมีพยานลงนามด้วย
อย่างไรก็ดี คู่สัญญาอาจพิจารณาจัดให้มีพยานลงนามในสัญญาบริการตามที่เห็นสมควรด้วยก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ พยานควรเป็นบุคคลผู้มีความสามารถในการทำนิติกรรมอย่างสมบูรณ์ (เช่น ผู้บรรลุนิติภาวะ อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ ไม่เป็นผู้ทุพพลภาพ) และไม่ใช่บุคคลที่มีหน้าที่/ภาระผูกพันตามสัญญาบริการ (เช่น คู่สัญญา)
คู่สัญญาอาจมีค่าใช้จ่ายที่ต้องพิจารณาจัดเตรียมในการจัดทำสัญญาบริการ ดังต่อไปนี้
ในกรณีที่ผู้รับบริการ/ผู้ว่าจ้างถือตัวผู้ให้บริการ/ผู้รับจ้างเป็นสาระสำคัญของการให้บริการ (เช่น ผู้รับบริการ/ผู้ว่าจ้างตกลงว่าจ้างผู้ให้บริการ/ผู้รับจ้างเพราะว่าผู้ให้บริการ/ผู้รับจ้างมีความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ มีทักษะและชื่อเสียงในการให้บริการดังกล่าวโดยเฉพาะ) ผู้รับบริการ/ผู้ว่าจ้างสามารถกำหนดห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการ/ผู้รับจ้างนำงานตามสัญญาบริการไปว่าจ้างช่วงต่อให้บุคคลอื่นทำ (Subcontract) ได้ โดยกำหนดเป็นข้อตกลงไว้ในสัญญาบริการ
ในกรณีที่ผู้ให้บริการ/ผู้รับจ้างส่งมอบงาน/บริการล่าช้า ผู้รับบริการ/ผู้ว่าจ้างอาจมีข้อพิจารณา ดังต่อไปนี้
ในบางกรณีผลสำเร็จของการให้บริการอาจถือเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์/ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น
โดยทั่วไป กฎหมายกำหนดให้ผู้รับบริการ/ผู้ว่าจ้างเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้นในกรณีการจ้างทำของหรือจ้างบริการ อย่างไรก็ดี คู่สัญญาย่อมสามารถตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้ตามความต้องการของคู่สัญญา โดยกำหนดเป็นข้อตกลงไว้ในสัญญาบริการ
ผู้ให้บริการ/ผู้รับจ้างอาจมีโอกาสได้เข้าถึง ได้รับทราบถึงข้อมูลทางธุรกิจ หรือข้อมูลสำคัญต่างๆ ของผู้รับบริการ/ผู้ว่าจ้างในระหว่างการให้บริการตามสัญญาบริการ (เช่น สูตรอาหาร รายชื่อลูกค้า) ซึ่งหากมีการนำข้อมูลดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ หรือมีการเปิดเผยต่อคู่แข่งทางธุรกิจอาจทำให้ผู้รับบริการ/ผู้ว่าจ้างได้รับความเสียหายหรือเสียเปรียบทางธุรกิจได้ สัญญาบริการฉบับนี้จึงประกอบด้วยข้อตกลงการเก็บรักษาความลับซึ่งห้ามผู้ให้บริการ/ผู้รับจ้างเปิดเผยข้อมูลความลับของคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งโดยทั่วไปอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ผู้รับบริการ/ผู้ว่าจ้างให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาความลับอย่างยิ่ง คู่สัญญาอาจพิจารณาจัดทำสัญญาเก็บรักษาความลับแยกต่างหากอีกฉบับเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ รายละเอียด และบทลงโทษเกี่ยวกับการเก็บรักษาความลับโดยเฉพาะด้วยก็ได้
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำสัญญาบริการมี ดังต่อไปนี้
คุณสามารถเลือกที่จะปรึกษาทนายความได้ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ
ทนายความสามารถช่วยคุณได้โดยทำการตอบคำถามของคุณหรือให้ความช่วยเหลือในกระบวนการต่าง ๆ จะมีการเสนอตัวเลือกดังกล่าวไว้ให้คุณในตอนท้ายของเอกสาร
คุณกรอกแบบสอบถามสำหรับป้อนข้อมูลแล้วจะเห็นได้ว่าระบบของเราจะค่อย ๆ สร้างเอกสารขึ้นเองโดยอัตโนมัติตามคำตอบที่คุณกรอกเข้าไป
ในตอนสุดท้าย คุณจะได้รับเอกสารในรูปแบบ Word และ PDF คุณสามารถแก้ไขและนำเอกสารไปใช้อีกได้
คู่มือต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่คุณ
สัญญาบริการ - ตัวอย่างแบบฟอร์มสำหรับกรอก Word และ PDF
ประเทศ: ประเทศไทย