สารบัญ
ในหลายครั้งที่ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะเป็น
พบการกระทำละเมิดต่อทรัพย์สินทางปัญญาของตน แต่ก็ไม่รู้จะต้นเริ่มอย่างไร เพียงแต่รู้ว่าจะต้องดำเนินการให้บุคคลผู้ละเมิดนั้นยุติการละเมิดซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายให้ได้ เช่น
ในคู่มือทางกฎหมายฉบับนี้ จะแนะนำขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ ตามลำดับเมื่อพบเห็นหรือทราบว่าทรัพย์สินทางปัญญาของตนถูกละเมิด โดยผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาอาจพิจารณาดำเนินการตามแนวทาง ดังต่อไปนี้
เมื่อผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาพบเห็นหรือทราบว่าทรัพย์สินทางปัญญาของตนถูกละเมิด ไม่ว่าจะเป็นการพบเห็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาด้วยต้นเอง หรือได้รับแจ้งเบาะแสจากบุคคลผู้หวังดีจากหนังสือแจ้งเบาะแสการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ก็ตาม ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาอาจพิจารณาสืบหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกระทำละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าวนั้น เช่น
นอกจากผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาจะดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจนได้ความชัดเจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า การกระทำ พฤติกรรม หรือเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากในบางกรณี บุคคลดังกล่าวนั้นอาจมีสิทธิใช้ทรัพย์สินทางปัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็ได้ เช่น
หลักการใช้ลิขสิทธิ์อย่างเป็นธรรม (Fair Use) คือ หลักกฎหมายที่เปิดโอกาสให้บุคคลอื่นสามารถใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ได้ โดยที่ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น การนำงานอันมีลิขสิทธิ์นั้นไปใช้เพื่อการศึกษา ค้นคว้า วิจัยส่วนบุคคลที่ไม่ได้ทำเพื่อการหากำไร/เชิงพาณิชย์ โดยที่ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร
เมื่อผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาตรวจสอบจนเป็นที่แน่ใจแล้วว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาก็ควรจัดเก็บและรวบรวมหลักฐานการกระทำละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าวของผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้นเอาไว้ เพื่อใช้ในการดำเนินการขั้นต่างๆ ต่อไปโดยหลักฐานการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เช่น
นอกจากนี้ ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญายังควรจัดเตรียมและรวบรวมเอกสารหลักฐานที่แสดงความเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา หรือผู้ทรงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าวนั้นด้วย เพื่อใช้อ้างอิงในการดำเนินการขั้นถัดไป เช่น การแจ้งความร้องทุกข์ การฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาล การเจรจาประนีประนอมยอมความ โดยที่เอกสารหลักฐานที่แสดงความเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา หรือผู้ทรงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา เช่น
เมื่อผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา สืบหาข้อเท็จจริง ตรวจสอบการละเมิด เก็บและรวบรวมหลักฐาน จนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาอาจพิจารณาจัดทำหนังสือบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรจัดส่งไปยังไปผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยการบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อดำเนินการ ดังต่อไปนี้
ในการบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาอาจเลือกใช้ หนังสือบอกกล่าวให้ยุติการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งถูกร่างขึ้นสำหรับใช้ในกรณีที่ เจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา หรือผู้ทรงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาต้องการจะแจ้ง บอกกล่าว และตักเตือนไปยังผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาให้หยุดหรือยุติการกระทำละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
เมื่อปรากฏว่าผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ยังคงไม่ปฏิบัติตามหนังสือบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรที่ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาได้จัดส่งไปยังไปผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในเบื้องต้น (เช่น ยังคงไม่หยุดการกระทำละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ยอมชำระค่าเสียหายตามที่เรียกร้อง) ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาอาจพิจารณาดำเนินการตามมาตรการหรือการดำเนินการขั้นต่อไป/ขั้นเด็ดขาดตามที่ได้ระบุไว้ในหนังสือบอกกล่าวให้ยุติการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้จัดส่งไปยังไปผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในเบื้องต้น เช่น การบอกกล่าวครั้งสุดท้าย การเรียกร้องค่าเสียหาย การแจ้งความร้องทุกข์ หรือการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาล
ก่อนการดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาอาจใช้ความพยายามเจรจาต่อรองกับผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจากตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในบางกรณีเป็นความผิดอาญาที่ไม่สามารถยอมความได้ (เช่น การละเมิดเครื่องหมายการค้า และการละเมิดสิทธิบัตร) กล่าวคือเมื่อได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์แล้ว แม้ในภายหลัง ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาจะไม่ติดใจเอาเรื่องกับผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม (เช่น เปลี่ยนใจ สงสาร หรือเจรจาตกลงกันได้ในภายหลัง) เจ้าพนักงานก็จะต้องดำเนินคดีความอาญานั้นต่อไปกับผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจนถึงที่สุด
โดยในการดำเนินการเจรจาต่อรอง ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาอาจพิจารณาแนวทางการเจรจาต่อรอง หรือผ่อนผันให้ผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ดังต่อไปนี้
เนื่องจากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นความผิดอาญา ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาอาจพิจารณาดำเนินการตามมาตรการหรือการดำเนินการขั้นต่อไป/ขั้นเด็ดขาดโดยการเริ่มดำเนินคดีความตามกฎหมายอีกทางหนึ่งก็ได้ (เช่น แจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน) ในกรณีเช่นนี้ จะมีเจ้าพนักงาน (เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานเจ้าหน้าที่สำนักป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอำนาจ) เข้ามาเกี่ยวข้องและดำเนินการต่างๆ ตามขั้นตอนของกฎหมาย เช่น
ในการดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ว่าการแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน หรือการฟ้องร้องดำเนินคดีแพ่งในชั้นศาล ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา อาจจัดเตรียมและจัดทำ หนังสือมอบอำนาจ เพื่อมอบหมายให้ตัวแทนของตนดำเนินการ (เช่น ผู้จัดการฝ่ายกฎหมาย) หรือหนังสือแต่งตั้งทนายความ เพื่อแต่ตั้งทนายความดำเนินคดีตามกฎหมาย
การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มีโทษทั้งทางแพ่ง และอาญา ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาย่อมมีสิทธิที่จะให้ผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหยุด/ยุติการกระละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้ในทันที รวมถึงมีสิทธิที่จะได้รับการชดใช้เยียวหาจากผู้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหากการละเมิดดังกล่าวนั้นก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา โดยกระบวนการและ/หรือวิธีการที่ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาจะสงวนสิทธิ์ดังกล่าวก็มีตั้งแต่มาตรการเบาไปถึงหนัก ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาอาจพิจารณาเลือกใช้ตามลำดับความเหมาะสมแก่พฤติการณ์และความเสียหาย