ใบส่งของ กรอกแบบฟอร์ม

ต้องทำยังไงบ้าง

1. เลือกแบบฟอร์มนี้

เริ่มต้นโดยการคลิกที่ "กรอกแบบฟอร์ม"

1 / เลือกแบบฟอร์มนี้

2. กรอกเอกสาร

ตอบคำถามบางข้อแล้วเอกสารของคุณก็จะถูกสร้างขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

2 / กรอกเอกสาร

3. บันทึก - พิมพ์

เอกสารของคุณพร้อมแล้ว คุณจะได้รับเอกสารดังกล่าวในรูปแบบ Word และ PDF ซึ่งคุณสามารถทำการแก้ไขได้

3 / บันทึก - พิมพ์

ตัวเลือกพิเศษสำหรับการปรึกษาทนายความ

คุณสามารถเลือกที่จะขอรับความช่วยเหลือจากทนายความได้หลังจากกรอกเอกสารเสร็จแล้ว

ตัวเลือกพิเศษสำหรับการปรึกษาทนายความ

ใบส่งของ

ปรับปรุงล่าสุด ปรับปรุงล่าสุด 10/09/2567
รูปแบบ รูปแบบWord และ PDF
ขนาด ขนาด1 หน้า
กรอกแบบฟอร์ม

ปรับปรุงล่าสุดปรับปรุงล่าสุด 10/09/2567

รูปแบบรูปแบบที่มีให้ Word และ PDF

ขนาดขนาด 1 หน้า

ตัวเลือก ความช่วยเหลือจากทนายความ

กรอกแบบฟอร์ม

ใบส่งของคืออะไร

ใบส่งของ หรือใบส่งสินค้า (Bill of Delivery) คือ เอกสารที่ออกโดยผู้ขายสินค้าเพื่อเป็นเอกสารและหลักฐานว่าได้มีการส่งมอบสินค้าหรือสิ่งของรายละเอียดและมูลค่าตามที่ระบุไว้ในใบส่งของให้แก่ผู้ซื้อสินค้าอย่างถูกต้องและครบถ้วนตรงตามจำนวน ปริมาณ ลักษณะ และคุณภาพที่ระบุไว้ในใบส่งของนั้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งสินค้าตามสัญญาใดๆ (เช่น สัญญาซื้อขายสินค้า สัญญาจ้างผลิตสินค้า สัญญาว่าจ้างขนส่งสินค้า) หรือไม่มีการจัดทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างกันก็ตาม

โดยใบส่งของจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ขายสินค้าและผู้ซื้อสินค้า ดังต่อไปนี้

  • ใช้เป็นหลักฐานว่าผู้ขายสินค้าได้มีการส่งมอบสินค้าถูกต้องและครบถ้วนแล้ว
  • ใช้เป็นหลักฐานสำคัญในกรณีที่มีข้อพิพาทระหว่างผู้ขายสินค้าและผู้ซื้อสินค้าเกี่ยวกับการส่งสินค้าที่ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน และ/หรือล่าช้า
  • ใช้เป็นหลักฐานประกอบทางภาษี/ทางบัญชี (เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม การเบิกจ่ายค่าสินค้า)

จำเป็นต้องทำใบส่งของ หรือไม่

อาจจำเป็น ในกรณีการขายสินค้าให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้ขายส่ง ผู้ขายสินค้ามีหน้าที่ต้องจัดทำใบส่งของให้แก่ผู้ซื้อสินค้าดังกล่าว

อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นวิธีปฏิบัติทางการค้าและเพื่อเป็นหลักฐานว่าได้มีการส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อสินค้าเป็นที่เรียบร้อยและครบถ้วนแล้ว ซึ่งก่อให้เกิดผลทางกฎหมายที่แตกต่างไปเมื่อมีการส่งมอบสินค้าเรียบร้อยแล้ว เช่น

  • สิทธิ หน้าที่ หรือความเสี่ยงระหว่างผู้ขายสินค้าและผู้ซื้อสินค้า (เช่น สิทธิเรียกเก็บเงินค่าสินค้าที่ส่งมอบ)
  • สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดระหว่างผู้ขายสินค้า (ผู้ส่ง) และผู้ขนส่ง กรณีที่มีการใช้บริการผู้ขนส่งภายนอก

ผู้ขายสินค้าจึงควรจัดทำใบส่งของให้แก่ผู้ซื้อสินค้าและ/หรือผู้ขนส่งเป็นลายลักษณ์อักษรและลงนาม ไม่ว่าในกรณีใดๆ

ต้องระบุข้อมูลสำคัญใดบ้างลงในใบส่งของ

ผู้ขายสินค้าควรระบุรายละเอียดและข้อความสำคัญในใบส่งของ ดังต่อไปนี้

  • ผู้ขายสินค้า เช่น ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ขายสินค้าซึ่งเป็นผู้ออกใบส่งของ
  • ผู้ซื้อสินค้า เช่น ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ซื้อสินค้าซึ่งเป็นผู้รับสินค้า
  • เลขที่อ้างอิง เช่น เลขลำดับของใบส่งของ และเลขที่เล่มของใบส่งของ (ถ้ามี)
  • วันที่จัดทำ เช่น วัน เดือน ปี ที่ออกใบส่งของ
  • รายละเอียดการจัดส่ง เช่น สถานที่จัดส่ง วันที่จัดส่ง
  • รายละเอียดสินค้า เช่น ชนิด ชื่อ รายการ จำนวน ลักษณะ และราคาของสินค้า
  • ผู้ขนส่งภายนอก (ถ้ามี) เช่น ชื่อ ที่อยู่ของผู้ขนส่ง ในกรณีที่มีการขนส่งสินค้าโดยผู้ขนส่งซึ่งเป็นบุคคลภายนอก (Carrier)

ใบส่งของเกี่ยวข้องกับใครบ้าง

บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำใบส่งของ ได้แก่

  • ผู้ขายสินค้า ตัวแทนผู้มีอำนาจของผู้ขายสินค้า (เช่น กรรมการ หุ้นส่วนผู้จัดการ) หรือตัวแทนที่ผู้ขายสินค้ามอบหมายให้รับผิดชอบเกี่ยวกับการส่งสินค้า (เช่น ผู้จัดการ/ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ผู้จัดการ/ผู้อำนวยการคลังสินค้า) ซึ่งเป็นผู้จัดทำและลงนามในใบส่งของ
  • ผู้ซื้อสินค้า ตัวแทนผู้มีอำนาจของผู้ซื้อสินค้า (เช่น กรรมการ หุ้นส่วนผู้จัดการ) หรือตัวแทนที่ผู้ซื้อสินค้ามอบหมายให้รับผิดชอบเกี่ยวกับการรับสินค้า (เช่น ผู้จัดการ/ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อ) ซึ่งเป็นผู้รับสินค้าและได้รับใบส่งของเพื่อนำไปใช้อ้างอิงต่อไป
  • ผู้ขนส่งภายนอก (ถ้ามี) ในกรณีที่มีการขนส่งสินค้าโดยผู้ขนส่งซึ่งเป็นบุคคลภายนอก (Carrier) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบและดำเนินการขนส่งสินค้าดังกล่าวเพื่อผู้ขายสินค้า

จะต้องทำอย่างไรต่อหลังจากที่ลงนามในใบส่งของแล้ว

ผู้ขายสินค้าควรจัดทำใบส่งของเป็นลายลักษณ์อักษรและลงนามโดยผู้ขายสินค้าหรือตัวแทนของผู้ขายสินค้า

เมื่อจัดทำและลงนามในใบส่งของเรียบร้อยแล้ว ผู้ขายสินค้าอาจพิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้

  • ผู้ขายสินค้าจัดทำสำเนาใบส่งของเพื่อการอ้างอิงตามจำนวนที่สอดคล้องกับผู้เกี่ยวข้อง (เช่น ผู้ซื้อสินค้า ผู้ขนส่งภายนอก ฝ่ายคลังสินค้า/ฝ่ายบัญชีของผู้ขายสินค้า)
  • ผู้ขายสินค้านำส่งใบส่งของให้แก่ผู้ซื้อสินค้าเพื่อนำไปใช้อ้างอิงต่อไป (เช่น ใช้เป็นเอกสาร/หลักฐานประกอบการตรวจรับสินค้า/การเบิกจ่ายค่าสินค้า) โดยผู้ขายสินค้า/ผู้ขนส่งอาจนำส่งใบส่งของให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือตัวแทนในขณะที่ส่งมอบ-รับมอบสินค้า
  • เมื่อได้นำส่งสินค้าเป็นที่ถูกต้องและครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว และผู้ซื้อสินค้า/ตัวแทนได้ตรวจรับสินค้าจนเป็นที่พอใจแล้ว ผู้ขายสินค้า/ผู้ขนส่งก็ควรให้ผู้ซื้อสินค้า/ตัวแทนลงนามรับมอบสินค้าลงในใบส่งของฉบับที่ตนเองถือไว้เพื่อเป็นหลักฐานด้วย

ใบส่งของจำเป็นจะต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง หรือไม่

ผู้ขายสินค้าไม่จำเป็นต้องดำเนินการจดทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องใดๆ ในการจัดทำใบส่งของ

อย่างไรก็ดี ในกรณีการขายสินค้าให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้ขายส่ง ผู้ขายสินค้าอาจมีหน้าที่ต้องเก็บสำเนาใบส่งของไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี ตามกฎหมาย เพื่อการตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง (เช่น กรมสรรพากร)

มีค่าใช้จ่ายใดบ้างที่เกี่ยวข้องในการจัดทำใบส่งของ

ผู้ขายสินค้าอาจมีค่าใช้จ่ายที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการขายสินค้า/ให้บริการ ดังต่อไปนี้

  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT) ผู้ขายสินค้า/ผู้ให้บริการอาจมีหน้าที่ต้องยื่นแบบและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นรายเดือนให้แก่กรมสรรพากรตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่ ในกรณีที่ผู้ขายสินค้า/ผู้ให้บริการได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (เช่น ผู้ขายสินค้า/ผู้ให้บริการเป็นกิจการขนาดย่อมที่มีฐานภาษีไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี การขายสินค้า/บริการที่อยู่ภายใต้ภาษีธุรกิจเฉพาะ การขายสินค้า/บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาล การขายสินค้า/บริการการศึกษาของสถานศึกษา การขายสินค้า/บริการการประกอบโรคศิลปะ การสอบบัญชี การว่าความ การให้บริการห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์)

กฎหมายใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับใบส่งของ

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำใบส่งของมี ดังต่อไปนี้

ความช่วยเหลือจากทนายความ

คุณสามารถเลือกที่จะปรึกษาทนายความได้ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ

ทนายความสามารถช่วยคุณได้โดยทำการตอบคำถามของคุณหรือให้ความช่วยเหลือในกระบวนการต่าง ๆ จะมีการเสนอตัวเลือกดังกล่าวไว้ให้คุณในตอนท้ายของเอกสาร

แก้ไขแบบฟอร์มได้อย่างไร

คุณกรอกแบบสอบถามสำหรับป้อนข้อมูลแล้วจะเห็นได้ว่าระบบของเราจะค่อย ๆ สร้างเอกสารขึ้นเองโดยอัตโนมัติตามคำตอบที่คุณกรอกเข้าไป

ในตอนสุดท้าย คุณจะได้รับเอกสารในรูปแบบ Word และ PDF คุณสามารถแก้ไขและนำเอกสารไปใช้อีกได้

กรอกแบบฟอร์ม