ปัจจุบัน กิจการหรือธุรกิจมีการแข่งขันทางธุรกิจที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเวลาเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการแข่งขันทางธุรกิจทำให้กิจการมีข้อได้เปรียบคู่แข่งเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ จึงมักพบเห็นการที่ผู้ประกอบธุรกิจเลือกที่จะซื้อกิจการหรือธุรกิจที่ดำเนินการอยู่แล้วแทนที่การเริ่มกิจการหรือธุรกิจใหม่ทั้งหมด โดยการซื้อกิจการอาจมีข้อได้เปรียบจากการเริ่มต้นกิจการใหม่ในข้อจำกัดด้านเวลาที่น่าพิจารณา ดังต่อไปนี้
โดยที่ การซื้อกิจการ หมายถึง การที่ผู้ซื้อกิจการได้มาซึ่งอำนาจควบคุมกิจการที่ต้องการจะซื้อ (กิจการเป้าหมาย) นั้นอย่างเด็ดขาดหรืออาจกล่าวได้ว่าได้มาซึ่งความเป็นเจ้าของในกิจการดังกล่าว โดยทั่วไปมีวิธีการได้มาซึ่งกิจการ 2 วิธีด้วยกัน ดังต่อไปนี้
การซื้อกิจการโดยการซื้อสินทรัพย์สำคัญในการดำเนินกิจการ คือการที่ผู้ซื้อกิจการเลือกที่จะเข้าซื้อทรัพย์สินหรือสิทธิต่างๆ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการเป้าหมายจากผู้ประกอบกิจการเดิม ไม่ว่าจะเลือกซื้อเพียงบางส่วนหรือเหมาซื้อทั้งหมด ดังต่อไปนี้
โดยหากผู้ซื้อกิจการต้องการจะได้มาซึ่งกิจการโดยการซื้อสินทรัพย์สำคัญในการดำเนินกิจการ ผู้ซื้อกิจการอาจใช้ สัญญาซื้อขายกิจการ ในการซื้อกิจการจากเจ้าของกิจการเดิม
การซื้อกิจการโดยการซื้อหุ้นของบริษัท คือการที่ผู้ซื้อกิจการซื้อหุ้นของบริษัทที่ประกอบกิจการเป้าหมายจากเจ้าของเดิม (ผู้ถือหุ้น) ของบริษัท เพื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นคนใหม่ของบริษัทนั้นๆ โดยผู้ซื้อกิจการจะต้องซื้อหุ้นให้ตนถือหุ้นรวมในสัดส่วนที่มากพอที่จะมีอำนาจควบคุมการบริหารจัดการบริษัทเพื่อที่จะมีอำนาจควบคุมและกำหนดการดำเนินการของกิจการเป้าหมายได้อย่างเด็ดขาด โดยที่ผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อมได้มาซึ่งความเป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งหมายความถึง สินทรัพย์ของบริษัททั้งหมด เช่น ทรัพย์สิน ทรัพย์สินทางปัญญา บุคลากร สิทธิอื่นๆ ที่เป็นของบริษัททั้งหมด รวมถึงความรับผิดที่เป็นของบริษัทด้วย เช่น หนี้สิน คดีความที่ถูกฟ้องร้องต่างๆ
โดยหากผู้ซื้อกิจการต้องการจะได้มาซึ่งกิจการโดยการซื้อหุ้นของบริษัท ผู้ซื้อกิจการอาจใช้ สัญญาโอนหุ้นบริษัท ในการซื้อกิจการจากผู้ถือหุ้น (เจ้าของ) ของบริษัทที่ประกอบกิจการเป้าหมาย
ผู้ซื้อกิจการควรถือหุ้นของบริษัทที่มีสิทธิอออกเสียงมากกว่าร้อยละ 75 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดเพื่อสามารถลงมติพิเศษในที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการตัดสินใจอนุมัติให้ดำเนินการสำคัญของบริษัท หรืออย่างน้อยมากกว่าร้อยละ 50 เพื่อสามารถลงมติเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการตัดสินใจ อนุมัติ หรือรับรองการดำเนินการทั่วไปของบริษัทได้
การซื้อกิจการโดยการซื้อสินทรัพย์สำคัญในการดำเนินกิจการและการซื้อกิจการโดยการซื้อหุ้นของบริษัท อาจมีข้อพิจารณาเปรียบเทียบโดยใช้ปัจจัยต่างๆ ได้ ดังต่อไปนี้
การซื้อสินทรัพย์ของกิจการทำให้ผู้ซื้อกิจการมีโอกาสในการเลือกซื้อสินทรัพย์เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของกิจการเป้าหมายได้ตามความต้องการและความจำเป็นของผู้ซื้อกิจการ เช่น
โดยที่ การซื้อหุ้นของบริษัท ผู้ซื้อกิจการจะได้มาทั้งสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัททั้งหมดโดยไม่สามารถเลือกซื้อเฉพาะสิ่งได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ซื้อกิจการได้สิ่งที่ไม่ต้องการและ/หรือไม่จำเป็นมาด้วย เช่น
เงินทุนที่จะต้องใช้ในการซื้อกิจการสำหรับการซื้อสินทรัพย์จะจำกัดอยู่เพียงมูลค่าของสินทรัพย์ที่ผู้ซื้อกิจการต้องการจะซื้อเท่านั้น ในขณะที่เงินที่ใช้การซื้อหุ้นของบริษัท เพื่อให้มีอำนาจควบคุมเด็ดขาด ผู้ซื้อกิจการจะต้องซื้อหุ้นของบริษัทให้มีสิทธิออกเสียงสูงถึงร้อยละ 75 หรือร้อยละ 50 เป็นอย่างน้อยของสิทธิออกเสียงทั้งหมดซึ่งอาจเป็นการใช้เงินทุนที่มากเกินความจำเป็น
การซื้อหุ้นของบริษัท ผู้ซื้อกิจการอาจทยอยซื้อหุ้นตามความสามารถทางการเงินของผู้ซื้อกิจการได้ แม้จะไม่ได้มีอำนาจควบคุมกิจการอย่างเด็ดขาด ผู้ซื้อกิจการก็ยังถือว่าเป็นเจ้าของกิจการ (บางส่วน) ซึ่งมีสิทธิได้รับผลตอบแทนจากผลกำไรของกิจการและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่างๆ ของกิจการตามสัดส่วนหุ้นของที่ตนถือนั้นได้
การซื้อหุ้นของบริษัท ผู้ซื้อกิจการย่อมได้มาซึ่งความเป็นเจ้าของกิจการเมื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทโดยการทำ สัญญาโอนหุ้นบริษัท เพื่อซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ในขณะที่การซื้อสินทรัพย์ หากเป็นสินทรัพย์ที่มีทะเบียน เช่น อสังหาริมทรัพย์ เครื่องหมายการค้าจดทะเบียน สิทธิบัตร ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องไปจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์หรือโอนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าวกับนายทะเบียนตามหลักเกณฑ์ที่นายทำเบียนสินทรัพย์นั้นกำหนดด้วย
การซื้อสินทรัพย์ ผู้ซื้อกิจการสามารถซื้อกิจการที่เจ้าของกิจการดำเนินกิจการไม่ว่าในรูปแบบใด เช่น เจ้าของกิจการเป็น บุคคลธรรมดา ห้างหุ้น หรือบริษัท ในขณะที่การซื้อหุ้นของบริษัท ผู้ซื้อกิจการสามารถซื้อกิจการด้วยวิธีนี้ได้เมื่อกิจการเป้าหมายนั้นดำเนินการในรูปแบบบริษัทจำกัดเท่านั้น
เนื่องจากการซื้อหุ้นของบริษัท ผู้ที่เป็นผู้ดำเนินกิจการเป้าหมายก็คือบริษัทอยู่เช่นเดิมเพียงแต่เปลี่ยนผู้เป็นเจ้าของบริษัท (ผู้ถือหุ้น) ทำให้การซื้อกิจการโดยการซื้อหุ้นของบริษัทมีความต่อเนื่องของกิจการ กล่าวคือ การจดทะเบียนทางธุรกิจ การจดทะเบียนทางภาษี สิทธิในการประกอบธุรกิจบางประเภทที่ต้องที่ต้องได้รับอนุญาตจากราชการตามใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่บริษัทครอบครองอยู่นั้นย่อมใช้ได้ต่อไปตามที่มีอยู่นั้น ในขณะที่การซื้อสินทรัพย์เป็นการเปลี่ยนแปลงผู้เป็นเจ้าของกิจการนั้นโดยตรงจึงทำให้ต้องมีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ประกอบการเป็นเจ้าของกิจการนั้นๆ ใหม่ ไม่ว่า การจดทะเบียนทางธุรกิจ การจดทะเบียนทางภาษี หรือใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (ถ้ามี) ซึ่งต้องมีระยะเวลา กระบวนการ และค่าใช้จ่าย รวมถึงความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับอนุญาต (เช่น ผู้ขออนุญาตขาดคุณสมบัติ) และไม่สามารถประกอบกิจการที่ซื้อมานั้นต่อได้
นอกจากการตรวจสอบสภาพ ปริมาณ คุณภาพของสินทรัพย์ของกิจการเป้าหมายแล้ว สำหรับการซื้อสินทรัพย์ การตรวจสอบย่อมจำกัดอยู่เพียงสินทรัพย์ของกิจการเฉพาะสิ่งที่ต้องการจะซื้อเท่านั้น เช่น
ในขณะที่การซื้อหุ้นของบริษัท ผู้ซื้อกิจการจะต้องตรวจสอบและประเมินสถานะของกิจการอย่างละเอียด (Due Diligence) กล่าวคือ ต้องตรวจสอบสินทรัพย์ หนี้สิน กระแสเงินสดต่างๆ รวมถึงการบันทึกทางบัญชีต่างๆ ของบริษัททั้งหมด จึงอาจมีกระบวนการและค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบที่มากกว่าการซื้อสินทรัพย์
การซื้อสินทรัพย์ ในกรณีที่สินทรัพย์ที่มีทะเบียน เช่น อสังหาริมทรัพย์ เครื่องหมายการค้าจดทะเบียน สิทธิบัตร จะมีค่าธรรมเนียมราชการในการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ในขณะที่การซื้อหุ้นของบริษัท การทำ สัญญาโอนหุ้นบริษัท จะต้องชำระอากรแสตมป์ตามรูปแบบ อัตรา และระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
คู่สัญญาอาจจัดทำ สัญญาเก็บรักษาความลับ เบื้องฉบับหนึ่งก่อนการจัดทำ สัญญาซื้อขายกิจการ หรือ สัญญาโอนหุ้นบริษัท ก็ได้ แล้วแต่กรณี ในระหว่างการเจรจาต่อรอง เปิดเผยข้อมูล ตรวจสอบกิจการ ประเมินมูลค่ากิจการเป้าหมาย ซึ่งคู่สัญญาในขณะนั้นอาจยังไม่มีความชัดเจนหรือยังไม่สามารถทราบได้ถึงเงื่อนไขรายละเอียดการเข้าซื้อกิจการ
ในการพิจารณาว่าวิธีได้มาซึ่งกิจการวิธีการใดจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดนั้น อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก เช่น ความต้องการของผู้ซื้อกิจการ ความสามารถทางการเงินของผู้ซื้อกิจการ รวมถึงปัจจัยรองต่างๆ โดยอาจสรุปได้ ดังต่อไป
ปัจจัยพิจารณา | การซื้อสินทรัพย์สำคัญ | การซื้อหุ้นของบริษัท |
การตอบสนองความต้องการ | ✔ | |
เงินทุนที่ใช้ | ✔ | |
ระยะเวลาและกระบวนการ | ✔ | |
รูปแบบองค์กรกิจการเป้าหมาย | ✔ | |
ความต่อเนื่อง | ✔ | |
กระบวนการตรวจสอบ | ✔ |