ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันคืออะไร
ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้เว็บไซต์/แอปพลิเคชัน (Website/Application Terms and Conditions) หรือข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน (User Agreement) คือ สัญญา/ข้อตกลงที่ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน (เช่น เจ้าของเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน) กำหนดขึ้นเพื่อควบคุมและกำหนดลักษณะ เงื่อนไข กฎเกณฑ์ และข้อจำกัดในการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันกับผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน (เช่น ผู้เยี่ยมชม ผู้ใช้งาน หรือสมาชิกเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน)
โดย ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจจัดทำข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ เช่น
- เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบและประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
- ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเว็บไซต์/แอปพลิเคชันจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง
- จัดการและป้องกันความเสี่ยงจากความรับผิดทางกฎหมายของผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
- เพื่อจุดประสงค์เฉพาะต่างๆ ในการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันซึ่งอาจมีลักษณะการให้บริการและการใช้งานที่แตกต่างกันไป (เช่น เว็บไซต์/แอปพลิเคชันมีการเสนอขายสินค้าหรือบริการ เว็บไซต์/แอปพลิเคชันมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน)
ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันและนโยบายความเป็นส่วนตัวแตกต่างกัน อย่างไร
แม้ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันและนโยบายความเป็นส่วนตัวจะเป็นข้อตกลงที่กำหนดสิทธิและหน้าที่ระหว่างผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันและผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันเหมือนกัน แต่นโยบายความเป็นส่วนตัวและข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันมีความแตกต่างกันในด้านขอบเขต ดังต่อไปนี้
- ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันจะกำหนดสิทธิและหน้าที่ระหว่างผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันและผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันเกี่ยวกับข้อกำหนด/การใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันในทุกด้านและเป็นการทั่วไป เช่น ข้อจำกัดการใช้งาน การเป็นสมาชิกเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน เงื่อนไขการขายหรือให้บริการผ่านเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน การจำกัดความรับผิด ค่าใช้จ่าย ค่าบริการการใช้เว็บไซต์/แอปพลิเคชัน กฎ ระเบียบ และข้อห้ามในการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน การลงโทษผู้ใช้งานที่ฝ่าฝืนกฎ ระเบียบ และข้อห้ามดังกล่าว รวมถึง การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- นโยบายความเป็นส่วนตัวจะกำหนดสิทธิและหน้าที่ระหว่างผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันและผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะ เท่านั้น
จำเป็นต้องทำข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน หรือไม่
อาจจำเป็น โดยทั่วไปกฎหมายไม่ได้กำหนดให้ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันต้องจัดทำข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
ในกรณีที่เว็บไซต์/แอปพลิเคชันมีการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจจำเป็นต้องจัดทำข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันหรือนโยบายความเป็นส่วนตัวแยกอีกฉบับโดยเฉพาะก็ได้ เพื่อให้การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันนั้นถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมาย (เช่น การแจ้งให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันทราบและขอความยินยอมเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน)
อย่างไรก็ดี เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันที่ไม่ถูกต้องและ/หรือที่ผิดกฎหมายจากผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน และเพื่อรักษาผลประโยชน์และความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันและผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันทั้ง 2 ฝ่าย ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันจึงควรจัดทำข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน ไม่ว่าในกรณีใดๆ
ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันเกี่ยวข้องกับใครบ้าง
บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน ได้แก่
- ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน (เช่น เจ้าของเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน) ซึ่งเป็นผู้กำหนดข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันขึ้นเพื่อบังคับใช้กับผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
- ผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน (เช่น ผู้เยี่ยมชม ผู้ใช้งาน หรือสมาชิกเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน) ซึ่งเป็นผู้ตกลงยอมรับและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันที่ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันกำหนดขึ้นดังกล่าว
จะต้องทำอย่างไรต่อหลังจากที่จัดทำข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันแล้ว
เมื่อจัดทำข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันเรียบร้อยแล้ว ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจพิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้
- ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันควรจัดให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันสามารถเข้าถึงข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันได้โดยง่าย เพื่อศึกษา รับทราบ เข้าใจ และสามารถนำไปปฏิบัติได้ เช่น
(ก) เผยแพร่ข้อตกลงการใช้งานทางอิเล็กทรอนิกส์ไว้ที่หน้าเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
(ข) นำส่งข้อตกลงการใช้งานทางอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) แจ้งผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน)
- ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันควรให้ผู้ใช้งานศึกษาและตอบยอมรับ (Agreed and Accepted) ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันก่อนการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันครั้งแรก (เช่น การลงนามด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์/e-Signature) เพื่อเป็นการแสดงถึงความยินยอมและความตกลงที่จะยอมรับปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงการใช้งานโดยชัดแจ้ง
ผู้ใช้งานสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือทางกฎหมาย: การลงนามสัญญาด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) ต้องทำอย่างไร
- ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจจัดเก็บข้อตกลงการใช้งานและหลักฐานที่ได้รับความยินยอม/ความตกลงจากผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันนั้นไว้ ณ สถานประกอบกิจการหรือสำนักงานของผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันเพื่อการอ้างอิง
ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันจำเป็นจะต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง หรือไม่
ไม่จำเป็น ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันไม่จำเป็นจะต้องดำเนินการจดทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องใดๆ ในการจัดทำข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
อย่างไรก็ดี ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจจำเป็นต้องดำเนินการจดทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรณีต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ในกรณีที่มีการเสนอขายสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน (e-Commerce) การใช้เว็บไซต์/แอปพลิเคชันเป็นตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าของสมาชิก (e-Marketplace) หรือการให้บริการอื่นบนเว็บไซต์/แอปพลิเคชันตามที่กฎหมายกำหนด (เช่น การให้บริการอินเทอร์เน็ต/Internet Service Provider: ISP การให้เช่าพื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย/Web Hosting) ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจจำเป็นต้องดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น สำนักงานเขต สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล)
- ในกรณีที่มีการนำเสนอสินค้าหรือบริการโดยตรงถึงผู้บริโภคผ่านเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจจำเป็นต้องดำเนินการจดทะเบียน/ขออนุญาตธุรกิจตลาดแบบตรง (Direct Market License) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค)
- ในกรณีที่เว็บไซต์/แอปพลิเคชันให้บริการเกี่ยวกับระบบการชำระเงิน/e-Payment (เช่น การให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์/e-Money การให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิต/Credit Card Network การให้บริการเครือข่ายอีดีซี/EDC Network การให้บริการหักบัญชี/Clearing การให้บริการชำระดุล/Settlement) ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจจำเป็นต้องดำเนินการจดแจ้ง ขึ้นทะเบียน หรือขออนุญาตการให้บริการ แล้วแต่กรณี กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย)
ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันจะเป็นประโยชน์กับผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอย่างไรบ้าง
ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันจะเป็นประโยชน์กับผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันและสามารถช่วยให้ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันบรรลุวัตถุประสงค์ในด้านต่างๆ เช่น
- เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบและประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน เช่น การแจ้งให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันทราบถึงจุดเด่น คุณลักษณะเฉพาะ หรือความต้องการขั้นต่ำของระบบ (Minimum System Requirements) ในการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
- ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเว็บไซต์/แอปพลิเคชันจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การห้ามโพสข้อความรูปภาพในเว็บไซต์ที่มีขนาดใหญ่จนทำให้เว็บไซต์/แอปพลิเคชันทำงานช้ากว่าปกติและทำให้ระบบมีการใช้ทรัพยากรสูง (Server Load)
- เพื่อป้องกันและจัดการความเสี่ยงจากความรับผิดทางกฎหมายของผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน ในกรณีที่ผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันดังกล่าวไปในลักษณะที่ผิดกฎหมายหรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น เช่น การสงวนสิทธิตามกฎหมายของผลงาน ข้อมูล และการออกแบบที่ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันเผยแพร่บนเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน การห้ามโพสข้อความในเว็บไซต์/แอปพลิเคชันที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น (Copyright Infringement) การห้ามใช้เว็บไซต์/แอปพลิเคชันเป็นช่องทางหรือเครื่องมือในการทำผิดกฎหมาย (เช่น อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์/Computer Crime)
- เพื่อจุดประสงค์เฉพาะต่างๆ ในการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันซึ่งอาจมีลักษณะการให้บริการและการใช้งานที่แตกต่างกันไป เช่น ในกรณีที่เว็บไซต์/แอปพลิเคชันนั้นมีการเสนอขายสินค้าหรือบริการอาจมีการกำหนดข้อตกลงเกี่ยวกับการขายสินค้า/การให้บริการที่อยู่ในเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันต้องทำอย่างไรเมื่อผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันโพสต์เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ลงในเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
ในกรณีที่เว็บไซต์/แอปพลิเคชันให้สิทธิผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันสามารถเพิ่ม บันทึกข้อมูล โพสต์ และเปิดเผยเนื้อหา (Content) ลงบนเว็บไซต์/แอปพลิเคชันได้ (Post) และปรากฏว่าผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันโพสต์เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ลงในเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน (Copyright Infringement) และไม่เข้าข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ (Fair Use) ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันที่ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำดังกล่าวภายในเว็บไซต์/แอปพลิเคชันของตนอาจมีความรับผิดร่วมด้วยตามกฎหมาย
ในกรณีเช่นนี้ ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจพิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้
- ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจจัดให้มีผู้ควบคุมดูแลเว็บไซต์/แอปพลิเคชันและ/หรือระบบการควบคุม-คัดกรองเนื้อหา (เช่น Administrator/Moderator หรือ Content Screening AI) เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ กลั่นกรอง และอนุมัติเนื้อหา รวมถึงลบเนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
- ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจบังคับใช้มาตรการลงโทษที่กำหนดไว้ในข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันกับผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันที่นำเข้าเนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์นั้น เช่น การเตือน (Notice) จำกัดสิทธิการเข้าถึงและใช้เว็บไซต์หรือการใช้แอปพลิเคชัน (Block/Ban) ยกเลิกบัญชีสมาชิก (Account Delete) หรือการปรับเป็นตัวเงิน (Penalty)
- ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันอาจแจ้งเบาะแสการละเมิดลิขสิทธิ์แก่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นลายลักษณ์อักษร (เช่น หนังสือแจ้งเบาะแสการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา) และ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และระงับการเผยแพร่การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา) เพื่อแสดงเจตนาและความบริสุทธิ์ของผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันในการช่วยยับยั้งและป้องกันเนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์และนำจับผู้ใช้งานที่กระทำความผิด
ต้องระบุข้อมูลสำคัญใดบ้างลงในข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
ผู้ให้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชันควรระบุรายละเอียดและข้อความสำคัญในข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน ดังต่อไปนี้
- เว็บไซต์/แอปพลิเคชัน เช่น ชื่อเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน ชื่อผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน สถานที่ตั้ง
- การบังคับใช้ เช่น วันที่ข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันมีผลบังคับใช้ (Effective Date) ประวัติการเปลี่ยนแปลงในกรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง รวมถึงลำดับฉบับการแก้ไข (Version)
- ข้อแนะนำ/ข้อจำกัดการใช้งาน เช่น สิทธิและหน้าที่ของผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน กฎ ระเบียบ และข้อห้ามในการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
- การเป็นสมาชิกเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน เช่น ขั้นตอน วิธีการสมัครสมาชิก คุณสมบัติสมาชิก
- การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ถ้ามี) เช่น รายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลที่จะถูกเก็บรวบรวม วัตถุประสงค์การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือเปิดเผย และการขอความยินยอมจากผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
- สภาพบังคับ/การลงโทษ เช่น การเตือน (Notice) จำกัดสิทธิการเข้าถึงและใช้เว็บไซต์หรือการใช้แอปพลิเคชัน (Block/Ban) ยกเลิกบัญชีสมาชิก (Account Delete) หรือการปรับเป็นตัวเงิน (Penalty)
- เงื่อนไขการขายสินค้าหรือให้บริการ (ถ้ามี) เช่น ค่าใช้จ่าย ค่าบริการการใช้เว็บไซต์/แอปพลิเคชัน ข้อจำกัดความรับผิดเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่อยู่ในเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน (Limitation of Product/Service Liability) เงื่อนไขการรับประกัน (Warranty) การชำระค่าสินค้าและบริการ (Payment) นโยบายการคืนเงินและเปลี่ยนสินค้า (Refund and Return Policy) การโอนความเสี่ยงในสินค้า (Passing of Risk)
- การสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่ปรากฏภายในเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน เช่น คำสั่ง (Code) ชุดคำสั่ง (Program) การออกแบบหน้าใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน (User Interface Design) เนื้อหา ข้อความ บทความ รูปภาพ เสียง หรือภาพยนต์ (Content)
- ข้อตกลงอื่นๆ (ถ้ามี) เช่น การจำกัดความรับผิด ช่องทางการติดต่อสอบถาม การร้องเรียน และแจ้งปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
กฎหมายใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันมี ดังต่อไปนี้
ในกรณีที่เว็บไซต์/แอปพลิเคชันมีการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
ในกรณีที่มีการเสนอขายสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน (e-Commerce)
ในกรณีที่มีการนำเสนอสินค้าหรือบริการโดยตรงถึงผู้บริโภคผ่านเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
ในกรณีที่เว็บไซต์/แอปพลิเคชันให้บริการเกี่ยวกับระบบการชำระเงิน/e-Payment
ความช่วยเหลือจากทนายความ
คุณสามารถเลือกที่จะปรึกษาทนายความได้ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ
ทนายความสามารถช่วยคุณได้โดยทำการตอบคำถามของคุณหรือให้ความช่วยเหลือในกระบวนการต่าง ๆ จะมีการเสนอตัวเลือกดังกล่าวไว้ให้คุณในตอนท้ายของเอกสาร
แก้ไขแบบฟอร์มได้อย่างไร
คุณกรอกแบบสอบถามสำหรับป้อนข้อมูลแล้วจะเห็นได้ว่าระบบของเราจะค่อย ๆ สร้างเอกสารขึ้นเองโดยอัตโนมัติตามคำตอบที่คุณกรอกเข้าไป
ในตอนสุดท้าย คุณจะได้รับเอกสารในรูปแบบ Word และ PDF คุณสามารถแก้ไขและนำเอกสารไปใช้อีกได้